การได้สัญชาติไทย ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๗ ทวิ

การได้สัญชาติไทย

ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

มาตรา ๗ ทวิ  (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓)

               ๑. ประเภทบุตรของบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน

             กลุ่มที่มีเชื้อสายไทย

                               หลักเกณฑ์

                               ๑.๑ เป็นชนกลุ่มน้อย กลุ่ม

                                               ๑) ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๐ (๖-xxxx-๖๓xxx-xx-x, ๖-xxxx-๖๔xxx-xx-x)

                                               ๒) ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง ๙ มีนาคม ๒๕๑๙  (๖-xxxx-๖๖xxx-xx-x, ๖-xxxx-๖๗xxx-xx-x)

                                               ๓) ชาวลาวภูเขาอพยพ (๖-xxxx-๐๐xxx-xx-x)

                               ๑.๒ เกิดในประเทศไทย  มีหลักฐานการเกิด โดยมีชื่อในทะเบียนราษฎร์และทะเบียนประวัติ

                               ๑.๓ ได้รับการศึกษาตามหลักสูตรที่ทางราชการกำหนด หรือสามารถพูดและฟังภาษาไทยเข้าใจ (ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ปี)

                               ๑.๔ มีความประพฤติดี ไม่เคยได้รับโทษคดีอาญา ยกเว้นความผิดโดยประมาทหรือลหุโทษ หากได้รับโทษในคดีอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วอย่างน้อย ๕ ปี นับถึงวันที่ยื่นคำร้อง

                               ๑.๕ ประกอบอาชีพสุจริต ยกเว้น พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาอื่น ๆ

                               ๑.๖ ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น

 

               ๒. ประเภทบุตรของบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน

             กลุ่มที่ไม่มีเชื้อสายไทย

                               หลักเกณฑ์

                               ๒.๑ เป็นชนกลุ่มน้อย กลุ่ม

                                               ๑) ชาวเขา ๙ เผ่า (๖-xxxx-๗๑xxx-xx-x)

                                               ๒) บุคคลบนพื้นที่สูง/ชุมชนบนพื้นที่สูงที่อพยพเข้ามาก่อนและหลัง ๓ ตุลาคม ๒๕๒๘  (๖-xxxx-๕๐xxx-xx-x, ๖-xxxx-๗๒xxx-xx-x)

                                               ๓) อดีตทหารจีนคณะชาติ (๖-xxxx-๕๑xxx-xx-x)

                                               ๔) จีนฮ่ออพยพพลเรือน (๖-xxxx-๕๒xxx-xx-x)

                                               ๕) จีนฮ่ออิสระ (๖-xxxx-๕๓xxx-xx-x)

                                               ๖) ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า (๖-xxxx-๕๔xxx-xx-x)

                                               ๗) ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากพม่า (๖-xxxx-๕๕xxx-xx-x, ๖-xxxx-๕๖xxx-xx-x)

                                               ๘) ชาวเวียดนามอพยพ (๖-xxxx-๕๗xxx-xx-x)

                                               ๙) ชาวลาวอพยพ (๖-xxxx-๕๘xxx-xx-x)

                                               ๑๐) เนปาลอพยพ (๖-xxxx-๗๓xxx-xx-x)

                                               ๑๑) อดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา (๖-xxxx-๖๐xxx-xx-x)

                                               ๑๒) ไทยลื้อ  (๖-xxxx-๖๑xxx-xx-x)

                                               ๑๓) ม้งถ้ำกระบอกที่ทำประโยชน์  (๖-xxxx-๖๘xxx-xx-x)

                                               ๑๔) ผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา  (๖-xxxx-๖๕xxx-xx-x)

                               ๒.๒ เกิดในประเทศไทย  มีหลักฐานการเกิด โดยมีชื่อในทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนประวัติ

                               ๒.๓ สามารถพูดและฟังภาษาไทยเข้าใจ (ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ปี)

                               ๒.๔ มีความประพฤติดี ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย ไม่เคยได้รับโทษคดีอาญา ยกเว้นความผิดโดยประมาทหรือลหุโทษ หากได้รับโทษในคดีอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วอย่างน้อย ๕ ปี นับถึงวันที่ยื่นคำร้อง

                               ๒.๕ ประกอบอาชีพสุจริต ยกเว้น พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาอื่น ๆ

                               ๒.๖ มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และประเทศไทย

                               ๒.๗ ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น

 

               ๓. ประเภทคนไร้รากเหง้า กรณีเกิดในประเทศไทย

                               หลักเกณฑ์

                               ๓.๑ เป็นบุคคลที่ได้รับการสำรวจ จัดทำทะเบียนประวัติและเอกสารแสดงตนไว้แล้ว ภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล โดยได้รับการสำรวจฯ ปี ๒๕๕๐ - ๒๕๕๒ (กลุ่มบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน และกลุ่มคนไร้รากเหง้า)

                               ๓.๒ เกิดในไทย และอาศัยอยู่ในไทยอย่างน้อย ๑๐ ปี  โดยต้องมีสูติบัตรหรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด หรือมีหนังสือรับรองความเป็นคนไร้รากเหง้าจากหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชน

                               ๓.๓ มีชื่อในทะเบียนราษฎร และเอกสารทะเบียนประวัติ

                               ๑.๔ มีความประพฤติดี ไม่เคยได้รับโทษคดีอาญา ยกเว้นความผิดโดยประมาทหรือลหุโทษ

 

               ๔. ประเภทบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ กรณีเกิดในประเทศไทย

                               หลักเกณฑ์

                               ๔.๑ เกิดในประเทศไทย มีหลักฐานการเกิด โดยมีชื่อในทะเบียนราษฎร

                               ๔.๒ เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศ โดยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ในสาขาต่าง ๆ ดังนี้  ๑) การศึกษา  ๒) ศิลปวัฒนธรรม  ๓) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี       ๔) การกีฬา  ๕) สาขาที่ขาดแคลนภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง  ๖) สาขาอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นควร

                               ๔.๓ มีหน่วยราชการระดับกรมหรือเทียบเท่ากรมที่เกี่ยวข้องรับรองคุณประโยชน์และผลงาน

                               ๔.๔ มีความประพฤติดี ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย ไม่เคยได้รับโทษคดีอาญา ยกเว้นความผิดโดยประมาทหรือลหุโทษ หากได้รับโทษในคดีอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วอย่างน้อย ๕ ปี นับถึงวันที่ยื่นคำร้อง

                               ๔.๕ ประกอบอาชีพสุจริต

                               ๔.๖ มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และประเทศไทย

                               ๔.๗ ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น

หลักฐานที่ต้องใช้ประกอบการยื่นคำขอ ตาม พ.ร.บ. สัญชาติ มาตรา๗ ทวิ

ประเภทที่ ๑ ประเภทบุตรของบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน

             กลุ่มที่มีเชื้อสายไทย ที่เกิดในประเทศไทย

ประเภทที่ ๒ ประเภทบุตรของบุคคลที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน

         กลุ่มที่ไม่มีเชื้อสายไทย ที่เกิดในประเทศไทย

         ผู้ยื่นคำร้อง (กรณียื่นคำร้องแทน)

     (๑) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร. ๑๓) และทะเบียนประวัติ

     (๒) สำเนาบัตรประจำตัว

         ผู้ขอมีสัญชาติไทย

     (๑) รูปถ่ายขนาด ๒ นิ้ว จำนวน ๓ รูป (กรณีผู้ยื่นคำร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะใช้รูปถ่าย จำนวน ๖ รูป

          โดยให้ติดในแบบคำร้องฯ จำนวน ๓ ชุด)

     (๒) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร. ๑๓) และทะเบียนประวัติ

     (๓) บัตรประจำตัว (ยกเว้น กรณีอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ทำบัตร)

     (๔) สูติบัตร หรือหนังสือรับรองการเกิด หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด

     (๕) บัตรประจำตัวของบิดา และมารดาของผู้ขอมีสัญชาติไทย

     (๖) หนังสือหรือหลักฐานรับรองการศึกษา หากไม่มีได้สอบถามผู้ขอมีสัญชาติไทยแล้ว

          สามารถพูดภาษาไทยเข้าใจ (ยกเว้น เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ปี)

     (๗) กรณีเคยต้องโทษคดีอาญา (ยกเว้นความผิดโดยประมาท หรือลหุโทษ)

          มีหลักฐานดังนี้

          - สำเนาคำพิพากษาของศาล และหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด หรือหลักฐานอื่น

            ที่แสดงถึงผลของคดีและคดีถึงที่สุด หรือ

          - เอกสารแสดงการพ้นโทษ (กรณีได้รับโทษจำคุก) ซึ่งต้องพ้นโทษอย่างน้อย ๕ ปี นับถึงวันที่ยื่นคำร้อง

     (๘) หลักฐานแสดงการประกอบอาชีพ

          - ใบอนุญาตทำงาน หนังสือรับรองจากสถานประกอบการ และหลักฐานการเสียภาษี

            (ยกเว้นกรณีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี) หรือ

          - หลักฐานการรับรองการประกอบอาชีพสุจริต โดยมีบุคคลที่น่าเชื่อถือรับรอง ๒ คน หรือ

          - หลักฐานแสดงกรณีเป็นพระภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาอื่น ๆ

            (ต้องปฏิบัติกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี)

          - หลักฐานแสดงกรณียังไม่บรรลุนิติภาวะ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ

            และไม่ได้ประกอบอาชีพ

     (๙) แผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขอมีสัญชาติไทย (ให้พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขอมีสัญชาติไทย จำนวน ๔ แผ่น

          โดยจัดส่งให้กรมการปกครอง จำนวน ๒ แผ่น และเก็บไว้ที่จังหวัดและอำเภอแห่งละ ๑ แผ่น)

     (๑๐) หลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี)

 

ประเภทที่ ๓ บุตรของคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยและถูกบุพการีทอดทิ้งหรือไม่ปรากฏบิดา

              และมารดา(คนไร้รากเหง้า)

 

     ผู้ยื่นคำร้อง (กรณียื่นคำร้องแทน)

     (๑) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร. ๑๓) และทะเบียนประวัติ

     (๒) สำเนาบัตรประจำตัว

         ผู้ขอมีสัญชาติไทย

     (๑) รูปถ่ายขนาด ๒ นิ้ว จำนวน ๓ รูป (กรณีผู้ยื่นคำร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะใช้รูปถ่าย จำนวน ๖ รูป

         โดยให้ติดในแบบคำร้องฯ จำนวน ๓ ชุด)

     (๒) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร. ๑๓) และทะเบียนประวัติ

     (๓) บัตรประจำตัว (ยกเว้น กรณีอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ทำบัตร)

     (๔) หลักฐานซึ่งแสดงว่าเกิดและอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาอย่างน้อย ๑๐ ปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้อง

          โดยมีหลักฐาน คือ สูติบัตร หรือหนังสือรับรองการเกิด หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด

          หรือหนังสือรับรองความเป็นคนไร้รากเหง้าจากหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชนที่จดทะเบียน

          ตามกฎหมายหรือขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยงานสงเคราะห์กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง

          ของมนุษย์

     (๕) กรณีเคยต้องโทษคดีอาญา (ยกเว้นความผิดโดยประมาท หรือลหุโทษ)

          มีหลักฐานดังนี้

          - สำเนาคำพิพากษาของศาล และหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด หรือหลักฐานอื่นที่แสดงถึงผลของคดี

            และคดีถึงที่สุด

          - เอกสารแสดงการพ้นโทษ (กรณีได้รับโทษจำคุก) ซึ่งต้องพ้นโทษอย่างน้อย๕ ปี นับถึงวันที่ยื่นคำร้อง

     (๖) แผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขอมีสัญชาติไทย (ให้พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขอมีสัญชาติไทย จำนวน ๔ แผ่น

          โดยจัดส่งให้กรมการปกครอง จำนวน ๒ แผ่น เก็บไว้ที่จังหวัด และอำเภอ แห่งละ ๑ แผ่น)

     (๗) หลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี)

 

ประเภทที่ ๔ บุตรของคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ

         ผู้ยื่นคำร้อง (กรณียื่นคำร้องแทน)

 

     (๑) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร. ๑๓) และทะเบียนประวัติ

     (๒) สำเนาบัตรประจำตัว

         ผู้ขอมีสัญชาติไทย

     (๑) รูปถ่ายขนาด ๒ นิ้ว จำนวน ๓ รูป (กรณีผู้ยื่นคำร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะใช้รูปถ่าย จำนวน ๖ รูป

          โดยให้ติดในแบบคำร้องฯ จำนวน ๓ ชุด)

     (๒) สำเนาทะเบียนบ้าน (ท.ร. ๑๓) และทะเบียนประวัติ

     (๓) สำเนาบัตรประจำตัว (ยกเว้น กรณีอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ทำบัตร)

     (๔) สูติบัตร หรือหนังสือรับรองการเกิด หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด

     (๕) กรณีเคยต้องโทษคดีอาญา (ยกเว้นความผิดโดยประมาท หรือลหุโทษ)

          มีหลักฐานดังนี้

        - สำเนาคำพิพากษาของศาล และหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด หรือหลักฐานอื่นที่แสดงถึงผลของคดี

           และคดีถึงที่สุด

         - เอกสารแสดงการพ้นโทษ (กรณีได้รับโทษจำคุก) ซึ่งต้องพ้นโทษอย่างน้อย๕ ปี นับถึงวันที่ยื่นคำร้อง

     (๖) หลักฐานแสดงการประกอบอาชีพ

         - ใบอนุญาตทำงาน หนังสือรับรองจากสถานประกอบการ และหลักฐานการเสียภาษี

           (ยกเว้นกรณีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี) หรือ

         - หลักฐานการรับรองการประกอบอาชีพสุจริต โดยมีบุคคลที่น่าเชื่อถือรับรอง ๒ คน หรือ

     (๗) หลักฐานแสดงว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศ

     (๘) หนังสือรับรองการทำคุณประโยชน์และผลงานจากหน่วยงานราชการระดับกรมหรือเทียบเท่ากรม

          ที่เกี่ยวข้อง

     (๙) แผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขอมีสัญชาติไทย (ให้พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ขอมีสัญชาติไทย จำนวน ๔ แผ่น

          โดยจัดส่งให้กรมการปกครอง จำนวน ๒ แผ่น เก็บไว้ที่จังหวัด และอำเภอ แห่งละ ๑ แผ่น)

     (๑๐) หลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี)

ขั้นตอนในการให้สถานะบุคคลตาม พ.ร.บ.สัญชาติ มาตรา ๗ ทวิ

ขั้นตอนที่ ๑ : การยื่นคำร้อง

      - ผู้ยื่นคำร้องขอสถานะตามกฎหมาย ยื่นคำร้อง และเอกสารตามที่กำหนด

      - กรอกข้อมูลในคำร้องฯ และจัดเตรียมเอกสารประกอบคำร้อง

ขั้นตอนที่ ๒ : การดำเนินการของสำนักทะเบียนอำเภอ /กิ่งอำเภอ

      - ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นตามมติคณะรัฐมนตรี

      - จัดพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจประวัติอาชญากรรม

      - ตรวจเอกสารประกอบ เช่น ทะเบียนประวัติ บัตรประจำตัว หนังสือรับรองต่างๆ

      - พิจารณาคำร้องฯ พร้อมเสนอความคิดเห็นและส่งให้จังหวัดพิจารณาต่อไป

ขั้นตอนที่ ๓ : การดำเนินการของที่ทำการปกครองจังหวัด

     - ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นตามมติคณะรัฐมนตรีและเอกสารประกอบต่างๆ

      - ส่งรายชื่อเพื่อขอตรวจประวัติความมั่นคง อาชญากรรมและยาเสพติดระดับจังหวัด

      - นำเสนอต่อประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาให้สัญชาติไทยและให้สถานะคนต่างด้าว

        เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายระดับจังหวัด พิจารณา

      - จัดส่งเอกสารที่ผ่านการพิจารณาพร้อมรายงานการประชุมให้กระทรวงมหาดไทย

ขั้นตอนที่ ๔ : การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง)

      - ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นตามมติคณะรัฐมนตรีและเอกสารประกอบต่างๆ

      - ส่งรายชื่อเพื่อขอตรวจประวัติด้านความมั่นคง อาชญากรรม และ ยาเสพติดระดับประเทศ

      - กรณีขอสถานะคนต่างด้าว:นำเสนอต่อประชุมคณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติไทย

        และให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อยพิจารณา

      - กรณีขอสัญชาติไทย:นำเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาให้สัญชาติไทยแก่ชนกลุ่มน้อย

        แล้วนำเสนอต่อ คณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นตามลำดับ

      - กรณีขอสถานะคนต่างด้าว: เสนอรายชื่อที่ผ่านการพิจารณาให้ รมว.มท.พิจารณาใช้ดุลพินิจ

        ตามกฎหมาย แล้วจึงแจ้งผลการพิจารณาสั่งการของ รมว.มท. ให้จังหวัดและสำนักงาน

        ตรวจคนเข้าเมืองทราบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

        และแจ้งผู้ยื่นคำร้องทราบ